ประโยชน์ของการทำความดี
๑. นำความสุขความเจริญก้าวหน้ามาให้ เพราะผู้ที่ทำความดีย่อมเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป ทำสิ่งใดก็มักจะประสบความสำเร็จก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ตน
๒. ความดีติดตามตนไปทุกที่ เพราะความดีเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่มีรูปร่างผู้ใดทำผู้นั้นได้ ความดีเป็นของเฉพาะตน ไม่มีใครลักขโมยไปได้
๓. เป็นเกราะป้องกันภัย เพราะผู้ที่ทำความดีย่อมเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีแต่คนรักสงสารและเมตตา ไม่มีใครทำร้าย เพราะความดีที่เรามีอยู่
๔. สามารถทำความดีในครั้งต่อ ๆ ไปได้ง่าย เพราะมีพื้นฐานในการทำความดีอยู่แล้ว ถึงจะตกไปอยู่ในสถานที่ที่ทำความดีได้ยาก แต่ก็มักจะมีวิธีในการทำความดีได้ตลอด
การบริหารจิตและเจริญปัญญา
การมีสุขภาพดีนั้นจะต้องประกอบไปด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทุกหมู่ การพักผ่อนร่างกายอย่างเพียงพอ การออกกำลังกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เรียกว่า การบริหารร่างกาย ร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
จิตของเราก็เช่นเดียวกัน ในวันหนึ่ง ๆ เราคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย จิตย่อมจะเหนื่อยล้า หากไม่ได้มีการบำรุงรักษาหรือบริหารจิตของเราให้เข้มแข็งผ่องใสบริสุทธิ์ จิตจะอ่อนแอ หวั่นไหวต่อเหตุการณ์รอบตัวได้ง่าย เช่น บางคนจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมาจนเกินเหตุ เมื่ออยู่ในอาการตกใจ ดีใจ เสียใจ โกรธหรือเกิดความอยากได้ เพราะจิตใจอ่อนแอ ขุ่นมัว
การบำรุงรักษาจิตให้เข้มแข็งผ่องใสบริสุทธิ์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การบริหารจิต ซึ่งต่างกับการบริหารกาย เพราะการบริหารกายต้องทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวอยู่เสมอแต่การบริหารจิตจะต้องฝึกฝนให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งการฝึกจิตให้สงบ คือการทำสมาธินั่นเอง
การทำจิตใจให้ผ่องใสหรือการฝึกจิต คือ การฝึกสติควบคุมจิตใจให้จดจ่อกับสิ่งที่ทำโดยระลึกอยู่เสมอว่า ตนกำลังทำอะไรอยู่ ต้องทำอย่างไร พร้อมกับระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด
การทำสมาธิ คือ การฝึกควบคุมจิตใจให้จดจ่อแน่วแน่อยู่กับสิ่งใด สิ่งหนึ่ง โดยไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะหยุดทำสมาธิ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น